พอรถเมล์ปลอดผู้โดยสาร เจ้าหนุ่มก็ชวนดื้อๆ
“ เราไปหาที่เงียบๆ ขึ้นสวรรค์กันเถอะ ”
แม่ชีสั่นหน้าปฏิเสธ แล้วรีบลงเมื่อถึงป้ายถัดมา พนักงานขับรถได้ยิน
เหตุการณ์โดยตลอด พอรถแล่นออกจากป้าย จึงหันไปพูดกับฮิปปี้
“ถ้านายสนแม่ชีคนนี้จริง ๆ ชั้นจะบอกให้ ว่าทำไงถึงจะได้เผด็จศึก”
เจ้าหนุ่มผมยาวตอบว่า ทำไมจะไม่สนล่ะ พนักงานขับรถจึงแนะว่า
“ ทุกวันอังคารตอนเที่ยงคืน แม่ชีคนนี้จะไปสวดขอพรพระเจ้า
ที่สุสานประจำเมืองไม่เคยขาด ถ้านายหาผ้ามาคลุมทำทีสวมรอยเป็น
พระเจ้า นายจะสั่งอะไร แม่ชีก็ต้องยอมทั้งนั้น ”
คนขับช่วยวางแผนให้เสร็จสรรพ ครั้นถึงเวลาที่ว่า เจ้าฮิปปี้ก็แต่งองค์
ทรงเครื่อง สวมหน้ากากพระเจ้า ไปดักซุ่มรอเหยื่ออยู่หลังต้นไม้
ทันใดนั้น แม่ชีปรากฎตัวเดินใกล้เข้ามา แล้วหยุดยืนสวดมนต์พึมพำ
ฮิปปี้กระโดดออกจากที่ซ่อน
“ ข้าคือพระเจ้า ข้าได้ยืนคำขอของเจ้าแล้ว เจ้าจะได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
ตามประสงค์ แต่เจ้าต้องขึ้นสวรรค์กับข้าก่อน ”
แม่ชียินยอมโดยดี แต่เกี่ยงงอนนิดหน่อยว่า
“ เพื่อเห็นแก่พรหมจรรย์ของลูก ได้โปรดละเว้นประตูหน้าเถอะนะเจ้าคะ ”
พระเจ้าฟังก็ไม่ขัดข้อง หลังจากเสร็จสมอารมณ์หมาย เจ้าฮิปปี้ก็
ถอดหน้ากากออก พลางตะโกนว่า
“ ฮ่า ฮ่า ผมคือฮิปปี้คนนั้นไง ”
แม่ชีถอดหน้ากากมั่ง แล้วตะโกนดังกว่า
“ ฮ่า ฮ่า อั๊วะ คนขับรถเมล์เฟ้ย ”