อ่านแล้วชอบใจกด Like หรือ แชร์เรื่องที่ชอบใจแบ่งให้เพื่อนๆอ่านด้วยนะครับ

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

เรื่องที่ 594 คติสอนใจ




คติสอนใจ

เจ้าของร้านขายเนื้อสดคนหนึ่งรู้สึกประหลาดใจที่หมาตัวหนึ่งมาที่ร้าน โดยใน
ปาก มันคาบแบงก์ 10 ดอลลาร์และกระดาษเขียนข้อความว่า
"ขอซื้อไส้กรอก 12 ชิ้นกับขาแกะ 1 ขาครับ"
เขารู้สึก ประทับใจความแสนรู้ของมัน ดังนั้น หลังจากเก็บเงิน 10 ดอลลาร์ และ
เอาไส้กรอกและขาแกะใส่ถุง แขวนที่ปากให้มันคาบไปแล้ว เขาจึงตัดสินใจปิด
ร้าน สะกดรอยตามมันไป

หมาตัวนั้นเดินไปตามถนนจนถึงทางม้าลาย มันก็วางถุงที่คาบไว้ลงแล้วยืนด้วยขา
หลังและยกขาหน้ากดปุ่มไฟสำหรับคนข้ามถนน แล้วก็คาบถุงต่อ รอจนไฟคนข้าม
เขียวมันจึงข้ามไปยังป้ายรถเมล์อีกฝั่งหนึ่ง มันจ้องมองตารางเวลาเดินรถแล้วนั่ง
ลงตรงที่นั่งรอสักพักมีรถเมล์คันหนึ่งมา

มันเดินไปดูหมายเลขที่ หน้ารถแล้วก็กลับมานั่งรอต่ออีกสักเดี๋ยวก็มีรถเมล์มาอีก
คัน มันเดินไปดูหมายเลขรถอีก เมื่อเห็นว่าเป็นสายที่มันรออยู่ มันจึงขึ้นรถเมล์
คันนั้น คนขายเนื้อถึงกับอ้าปากค้างทึ่งในความแสนรู้ของมัน แล้วรีบตาม มันขึ้น
รถคันนั้นไป

หลังจากรถวิ่งผ่านกลางเมืองออกไปยังชานเมือง เจ้าหมาแสนรู้ก็ลุกจากที่นั่งเดิน
ไปหน้ารถ มันยืนด้วยขาหลังแล้วเอาขาหน้ากดกริ่งบนรถ เมื่อรถจอดมันก็ลงและ
เดินไปตามถนนจนถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งแล้วเลี้ยวเข้าไป คนขายเนื้อยังสะกดรอย
ตามมันอยู่ห่างๆ เช่นเดิม

เมื่อมาถึงประตูบ้านที่ปิดอยู่มันก็วางถุงไส้กรอกที่คาบไว้ลงแล้ว ถอยหลังมาตั้ง
หลักประมาณ 2-3 เมตร จากนั้นก็วิ่งเข้าชนประตูเต็มแรง มันพยายามอยู่ 2-3 ครั้ง
แต่ประตูก็ยังเปิดไม่ออก มันเลยเดินอ้อมตัวบ้านไปที่หน้าต่างบานหนึ่งที่ปิดอยู่
และเอาหัวโขกที่หน้าต่างหลายครั้ง แล้วก็เดินกลับมารอ ที่ประตู

สักพักประตูบ้านก็ถูกเปิดโดยเจ้าของหมาเป็นผู้ชายหุ่นล่ำบึ้ก ซึ่งพอเปิดประตู
เสร็จเขาก็เริ่มเตะต่อยและตะโกนด่าเจ้าหมาแสนรู้ตัวนั้นทันที ถึงตอนนี้คนขาย
เนื้ออดรนทนไม่ไหว เขารีบวิ่งเข้าไปห้ามเจ้าของหมาพร้อมกับถามว่า
"คุณเตะมันทำไมกัน มันเป็นหมาสุดอัจฉริยะเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย 
 ถ้าไปออกทีวีต้องดังแน่"

เจ้าของหมาตอบสวนทันทีว่า "คุณว่ามันฉลาดนักเหรอ เชอะ! รู้มั้ยว่านี่เป็นครั้งที่
                               สองในรอบสัปดาห์นี้นะที่มันลืมเอากุญแจบ้านติดตัวไปด้วย"

คติสอนใจจากเรื่องนี้คือ
"เราอาจทำงานได้เกินความคาดหมายในสายตาผู้อื่น แต่ก็ยังทำงานได้ต่ำกว่า
  เป้าหมายในสายตาของนายเราเสมอ"
นี่คือ เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น